My Diary

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550

            จะทำยังไงกะฮาร์ดดิสก์ตัวนี้ดีนะเรา งานยากสำหรับเราเลยนะเนี่ย ก็งานแรกนี่ ซ่อมคอมชาวบ้านนี่

ลำบากใจจริง ๆ ตัดสินใจยาก เจ้าของเองเขาก็ไม่ค่อยจะรู้ระบบ กลัวก็กลัว เขาจะว่าเอา ว่าขี้โม้ ไม่เห็นได้เรื่อง

แต่ถ้ามันไม่ได้จริงเราก็ต้องยอมรับแล้วล่ะว่า ทำได้แค่นี้ … ตอนแรกก็ง่วน ๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไงก็ไม่ได้ วิธีที่เรา

มีในตอนนี้มันใช้ไม่ได้ผลซักอย่างเดียว จนกระทั่งใกล้เข้านอน เกิดความคิดให้ตัดสินใจ และเป็นสิ่งที่เราไม่เคย

ทำจริง ๆ โจทย์คือ ต่อฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวในเครื่องเดียวกัน โดยใช้ฮาร์ดดิสก์หลักของเรา แก้ปัญหาฮาร์ดดิสก์ของลูกค้า

ว้าวเพอเฟค เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปซื้อ ระบบปฏิบัติการ Window มาใหม่ แล้วมาเริ่มงานต่อ แต่ตอนนี้ นอนก่อนนะเพื่อน

 

วันที่ 2 3 พฤศจิกายน 2550

            และเราก็ลงมือทำสิ่งที่ได้ตั้งใจ ได้ด้วย เราอุทานเบา ๆ กับตัวเอง ว่าการต่อสายแพของฮาร์ดดิสก์ 2 ลูก

ใช้สายแพแค่เส้นเดียว วิธีที่เราทำก็คือ ลงระบบปฏิบัติการในฮาร์ดดิสก์ลูกค้า โดยรันระบบปฏิบัติการของฮาร์ดดิสก์

ตัวเอง และแล้วก็สำเร็จ ผ่าน (ตอนนี้ 6 โมงเช้า … ทำทั้งคืน เนื่องจากเสียเวลาไปกับการห่วงว่าฮาร์ดดิสก์ตัวเองจะ

ถูก ฟอร์แมตไปด้วยหรือเปล่า และทำให้เรารู้ว่าฮาร์ดดิสก์ 40 GB ที่เราว่าพัง มันยังใช้งานได้ !!) แต่ทำไปทำมา ไม่รู้ว่า

ระบบปฏิบัติการเข้าไปอยู่ไดร์ฟ D ของลูกค้าได้ยังไง ก็คิดว่าน่าจะผ่าน ไม่มีปัญหาอะไร เลยลงโปรแกรมอะไร

ต่อมิอะไรให้เต็มเลย เสร็จตอน 11 โมง ก็ไปถึงร้านลูกค้าตอนเที่ยงเป๊ะ และลองเสียบดู เฮ้ย ! เป็นอะไรอีกเนี่ย

ก็ง่วน ๆ งง ๆ ไม่รู้ว่าเราต่อสายแพถูกไหม เพราะเราเองก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับพอร์ตของสายแพ (ดันไม่ทำการบ้าน

มาซะนี่) เลยโทรหาธงตอนบ่ายโมง

            นายลงวินโดว์ยังไง

            เราก็เปิดเครื่องเราแล้วลงวินโดว์ใส่ในอีกฮาร์ดดิสก์ไง

            ฟอร์แมต แล้วลงวินโดว์ใหม่เลย มีเดียมันไม่เข้ากัน

            เฮ้ย รู้ได้ไงว่า เห็นมันฟ้องมีเดีย ๆ ไรนี่ด้วยอ่ะ

            เออ ฟอร์แมตแล้วลงใหม่ ใช้ฮาร์ดดิสก์ตัวเดียวนะ เดี๋ยวมันจะมีปัญหา แล้วก็ให้ลงที่ไดร์ฟ C นะ

ไม่งั้นมันจะมีปัญหาในตอนหลัง ๆ

            เราก็ ช่าง … (ไม่รู้จะบ่นตัวเองไปเพื่ออะไรละ ว่าทำไมไม่โทรถามก่อน) ก็ไม่รู้ว่าจะมุดหน้าไปไว้ไหน

ตอนซื้อแรมก็ผิด ดันบอกเขาว่าเมนบอร์ดนี้สนับสนุนโหมดมัลติฟังก์ชัน ที่ไหนได้ 2 พอร์ตนั่นเป็น SD Ram

อีก 2 พอร์ตนั่นน่ะมัน DDR RAM ทำให้ชวนให้นึกถึงตอนที่ลงไดร์ฟเวอร์การ์ดจอสปาร์คให้เขาตอนนั้น

ทั้ง ๆ ที่ระบบฟ้องว่าจะมีปัญหาแท้ ๆ ก็ยังอยากจะลง เป็นไงล่ะ เกิดปัญหาจนได้ จนกระทั่ง 4 โมงเย็น

ลูกค้าเลยทนเราไม่ไหว (หน้าดุ เสียงดัง ตาแดง) เรารับรู้ได้ถึงความกดดันมหาศาลที่มีในตอนนั้น เขาบอกว่า

เขาจะไปจ้างช่างคอมมาซ่อมให้มันใช้ได้ และเขาก็บอกเราว่าเราน่ะทำไม่ได้หรอก ประสบการณ์ยังน้อย

แล้วเขาก็ควักเงินให้ 500 บาท แน่นอนว่าปฏิเสธ บอยอย่า เขาคว้ามือผมมาแล้วใส่เงินเข้าไป ขอบใจนะ

ที่เป็นธุระให้ คำ ๆ นี้มันทำให้ผมรู้สึกว่า เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

            หลังจากนั้น ก็เดินระหกระเหินโซเซไปกับความผิดพลาดที่เจ็บปวด ไม่ประสบความสำเร็จ

ประสบการณ์ครั้งนี้ เราได้ความรู้ ความกระตือรือร้น แต่เราก็เสียความไว้ใจของคน ๆ นี้ ไปอย่างไม่มีวัน

กลับมา สิ่งแรกที่เราทำหลังจากกลับบ้านก็คือ ศึกษาวิธีการเชื่อมต่อของพอร์ตต่าง ๆ บนเมนบอร์ด

และได้ทดลองกับคอมพิวเตอร์ของเรา เฮ้ย มันใช้งานได้แล้ว ส่วนนี้คือพอร์ต USB หน้าเคส ซึ่งมัน

เสียบแล้วไม่เคยติด แต่ในวันนี้ … มันติด ไฟขึ้น !!

           

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2550

            วันนี้ไปงาน IT Commart  ได้เห็นได้เจออะไรเยอะแยะชวนให้คิดว่า ถ้าวันนี้ ไม่มีคอมพิวเตอร์

เราจะทำอะไร … ก็น่าคิดนะสำหรับคน IT อย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ที่จะต้องมาเป็นเหมือนทาสเทคโนโลยีเหล่านี้

คนสมัยก่อนที่พอจะนึกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกและสร้างคอมพิวเตอร์ ก็มี สตีฟ จ็อบส์ กับ บิลเกตต์  หลังจากที่

ได้อ่านประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ ในนิตยสารคอมพิวเตอร์ของ COMPUTER.TODAY ที่ซื้อมาจากงานในราคา

20 บาท (ราคาปก 55 บาท) ซึ่งเขาเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เป็นเจ้านายที่เอาแต่ใจตัวเองสามารถ

พาลกับคนได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้กับความสามารถของเขา เชื่อไหมล่ะว่าถ้าไม่มีเขา วันนี้เราอาจ

ไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดมานั่งพิมพ์ ๆ เช่นทุกวันนี้ก็ได้ ผลงานของเขาคือเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล และบริษัท Pixar

ซึ่งมีชื่อเสียงกระฉ่อนในผลงานเรื่อง Toy Story  คิด ๆ ดูแล้วก็ตลกดีนะที่วันนี้เราใช้คอมพิวเตอร์แบบประกอบเอง

เป็นคอมฯ ที่หลาย ๆ บริษัทช่วยกันผลิต ต่างจากแอปเปิ้ลที่มีทุกอย่างครบเซทในเครื่องเดียว ครั้งหนึ่งเราได้

ลองใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ที่เรียกกันว่า Macintosh มันน่ารักมากเลย ครั้งแรกที่ได้สัมผัส เรารู้สึกได้เลยว่า

นี่มันคอมพิวเตอร์ของแท้ ๆ เลยนะเนี่ย โหสุดยอดเลย สมมุติว่าเราใส่ซีดีเข้าไปแล้วอยากเอามันออก เราก็ต้อง

ไปคลิกที่ไดร์ฟซีดี แล้วโยนมันลงถังขยะ!!! (คิดได้ไงเนี่ย) เป็นไงล่ะ แล้วในขณะทำงานก็จะมีตัวช่วยเราตลอด

ช่วยเราคิด ช่วยเราทำ แก้ปัญหาได้เลย มีเสียงพูดด้วยนะ แต่เป็นภาษาอังกฤษ เวลาเปิดปิดเครื่องก็ใช้ปุ่มบนคีย์บอร์ด

            หลังกลับจากงาน IT Commart ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า เรากำลังฝึกเป็นช่างคอมแต่ทำไมเครื่องคอมของตัวเองแท้ ๆ

กับไม่กล้าถอดประกอบ ส่วนตัวก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะของมันแพง ซื้อมาไม่ได้ถูก ๆ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ เอาล่ะ

เป็นไงเป็นกัน เพื่อน! โทษนะ ว่าแล้วก็ถอดเลย แงะ ๆ ๆ ๆ และก็ดูด้วยว่าส่วนนี้ถอดมายังไง ต้องใส่ยังไง และสุดท้าย

ก็มาลังเลตรงฮีตซิงค์ซีพียู มันแงะยาก ถึงยากสุด ๆ ก็เลยลองคิดวิธีที่จะถอดมันออกมาได้ง่าย ๆ และก็ง่ายจริง

เราแค่ถอดเมนบอร์ดออกมาแล้วก็ไขน็อตที่อยู่ด้านหลัง เท่านั้นเอง ฮีตซิงค์ซีพียูก็หลุดละ โธ่เราเอ๋ย 2 ครั้งก่อนแงะ

จนหักจนต้องไปหาซื้อใหม่หมดไป 400 กว่าบาท สายรัดสายแพนี้ เกะกะจัง ต้องแงะซะหน่อย ว่าแล้วก็งัด ๆ ๆ ๆ

ละก็งัด ทำไมมันยากอย่างนี้นะ ก็คิดอยู่ตอนนั้นว่าจะใช้อะไรตัดดี มีมีดคัดเตอร์ มีดแกะลาย กรรไกร ตอนนั้นตัดสินใจ

ใช้กรรไกรดีไหม ไม่เอาหรอก เดี๋ยวกรรไกรไม่คม ก็เลยใช้มีดคัดเตอร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมันใหญ่ไป

ก็เลยเปลี่ยนเป็นมีดแกะลายที่คมสุด ๆ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่ง อ๊ากกกก โดนสายแพขาดเลย เอาล่ะ

เป็นไงล่ะ เสียบไม่ได้สิ เครื่องไม่เห็นฮาร์ดดิสก์ เลยเดินไปซื้อสายแพใหม่ เซ็งสุด ๆ คิดว่าจะไม่ต้องเสียตรังค์แล้วนะเนี่ย

50 บาทครับ เสียงคนขายย้ำ ในขณะที่เรากำลังคิดสำนึกผิดของตัวเองว่าใช้กรรไกรตัดซะก็หมดเรื่อง เอาล่ะได้มาละ

เย้ ๆ รอแปปนะเพื่อน แต่ก็ยังเจอปัญหา ทำไมมันหลวม ๆ นะ นั่นไง เป็นไงล่ะนาย สายมันไม่ได้มาตรฐาน

เสียตรังค์ 50 ไม่พอ นี่ต้องไปซื้อใหม่อีกร้านเลยนะเนี่ย (เศร้า) และแล้วเราก็ปล่อย ไม่ทำ พอ จบ ไม่เอาละ รู้ตัวอีกที

ตี 2 แล้ว !!”

 

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2550

            วันนี้พี่ที่ทำงานเขาเอา CD มาให้ไรท์ 3 แผ่น แต่แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ซะนี่

           

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2550

            เป็นเวลากว่า 3 วัน ที่เพื่อนเราเปิดไม่ได้ แต่ในที่สุดได้เจอกันอีกครั้ง แหม…รู้สึกเหมือนทะเลาะกับเพื่อน

แล้วต้องจากกันยังไงยังงั้น ขอโทษนะเจ้าคอมฯ ที่เราทำนิสัยไม่ดีกับนายหลาย ๆ ครั้ง เราใช้งานนาย ทดลองนาย

จนไม่ค่อยจะเป็นคอมฯ ซะละ รู้เปล่าตอนที่ไม่มีนายน่ะ เหมือนเราขาดอะไรไปอย่าง และก็หวังว่าสิ่งที่เราพิมพ์ ๆ มานี้

นายคงจะอ่านโค้ดออกแล้วเข้าใจ แล้วก็ไม่แฮงค์บ่อย ๆ อีกนะ

            แต่ที่นายเปิดได้น่ะ เพราะว่าเราโลภ (ฮะ ๆ) ก็พอดีพี่เอ้เขาโทรมาบอกว่ามีงานถอดเทป จะรับไหม เราก็บอกนะ

ว่าคอมมันงี่เง่าอยู่ตอนนี้ ขอลองเปลี่ยนสายแพก่อนถ้าใช้ได้ รับ ก็แหม ม้วนละ 300 บาท 5 ม้วนก็ 1,500 (ตาลุกวาว)

เลยรีบแจ้น … ไปซื้อที่พันธ์ทิพย์ ได้มาเป็นสายของ ASUS คนขายบอกว่า เนี่ยสายแพของอะซุซ ก็พึ่งรู้นะว่าเขาอ่าน

กันว่างี้ ไอ้เราก็ดันเรียก อะซัส ๆ ซะตั้งนาน (ระวังอ่านเป็น อ้ายสาด)

            ช่วงกำลังจะเดินออกจากพันธ์ทิพย์ เราเจอชายตาบอดคนหนึ่งอายุประมาณ 3-40 ที่ชั้น 2 เขากำลังจะเดินลง

บันไดเลื่อน และแล้วเขาก็ออกนอกเส้นทาง เราจึงย่ำ ๆ เท้าบอกว่าบันไดอยู่ตรงนี้ สักพักเขาก็เดินมาตามเสียงจริง ๆ 

เป็นชายสูงใหญ่ผิวขาวออกจีน ๆ ไม่ใส่แว่นตาทำให้เห็นตาสองข้างที่บอดสนิทของเขา หิ้วถุงพลาสติกเหมือนเพิ่งไปซื้อ

อุปกรณ์อะไรสักอย่างมา ด้วยตัวเอง !!  เขาทำได้ไงนี่ … สักพักเราจึงเดินตามเขา เห็นเขาเคาะ ๆ แล้วก็เดินผ่านช่องแคบ

ของร้านค้าอย่างน่าฉงน เขาทำได้ไงเนี่ย จึงเอ๊ะใจว่าครั้งหนึ่งเขาอาจมองเห็นแล้วมาเดินที่นี่บ่อย แต่มันก็ยากนะ

ขนาดเราไปเดินบ่อย ๆ ยังหลงทางเลย แล้วนี่ผ่านช่องแคบ ๆ นั้นไปได้ยังไงเนี่ย … สิ่งนี้มันทำให้เรานึกถึงชายอ้วน

อีกคนที่เจอในร้านข้าวแกงหน้าปากซอย คือเขาเดิน ๆ มาถึงร้าน แล้วสั่งคนขายว่าจะกินอะไร แล้วเขาก็เดินมานั่งที่โต๊ะ

เราก็ได้แต่นั่งงง ว่าคุณรู้ได้ยังว่าตำแหน่งของร้านมันอยู่ตรงนี้ … พอเห็นแบบนั้นแล้วก็เลยมองย้อนมาที่ตัวเรา ถึงแม้เรา

จะเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่า เพราะมีคนที่ลำบากและยังสู้อุส่าห์มีชีวิตต่อไปด้วยความหวังถึงแม้มันจะน้อยนิดก็ตาม

            ชนะใจตัวเองอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกใช้มันหรือเปล่า

 

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2550

            วันนี้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานเขาใส่เสื้อชมพูกันเบิกบาน พริ้มทุกพื้นที่ แล้วนี่จะให้เราใส่สีชมพูอีก หยั่งกะงานกีฬาสี

วันจันทร์เหลือง อังคารชมพู ศุกร์ฟ้า ส่วนเรื่องงานเช้านี้ก็เหมือนว่าง ๆ เพราะไม่มีคนมากวน ทำให้เราต้องมานั่งคิดงาน

เองอีกครั้งว่า วันนี้มีอะไรที่ต้องทำ หลังจากนั้น … งาน !!

 

วันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2550

            นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไวรัสหรอ!! มันเข้ามาได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ธนาคารเราก็มีโปรแกรมป้องกันอยู่แล้ว เราได้คิด ๆ ๆ

แต่ที่ไม่ควรจะคิดคือ ใครผิด ที่นำมันมาเข้าในระบบของเรา แต่!! เราจะจัดการกับมันอย่างไรดี นั่นคือปัญหาที่ต้องทำ

เพราะมีข้อจำกัดอยู่ 2 ข้อก็คือ  1) ธนาคารซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมป้องกันไวรัสเทรนไมโครมาใช้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง

ปล่อยให้มันอยู่ในเครื่องอย่างนั้น  2) การตัดสินใจอยู่ที่หน่วยคอมพิวเตอร์  เราก็พยายามหาทางแก้ด้วยการสแกน

อันนั้นอันนี้ แต่แล้วก็ไม่เป็นผล ได้แต่รอว่าทางนั้นจะมาช่วยเราหรือไม่ เราได้โทรแจ้งแล้วเขาก็ถามเราว่า คุณรู้ได้ยังไง

ว่ามันเป็นไวรัส แล้วก็ให้เราเทสต์นู่นเทสต์นี่ ก็พยายามจะบอกนะว่านี่มันหน้าที่คุณ ทางนี้เป็นแค่ยูสเซอร์ เป็นแค่

ผู้ใช้งาน แล้วก็บอก จะส่งคนไปดูให้พรุ่งนี้ … ก่อนที่เขากำลังจะมาในขณะนั้น เราได้ค้นพบวิธีที่จะจัดการกับมันแล้ว

แต่คนของทีมคอมพิวเตอร์ก็มาขัดจังหวะแล้วบอกว่า มันง่าย ๆ ตัวนี้ผมทำมาแล้วเครื่องหนึ่ง ง่าย ๆ คือเราก็แค่เอา

เทรนออกแล้ว แล้วลงแมคอะฟี่แทน เราก็เลยย้อนถามเขาว่าถ้าอย่างนี้ทางหน่วยงานมีคอมพิวเตอร์เป็นสิบ ๆ เครื่อง

หมายความว่าต้องเอาเทรนออกหมดแล้วลงแมคอะฟี่เพื่อจัดการไวรัสนี้ตัวเดียวงั้นหรอ เขาก็ตอบว่า อันนี้ให้เป็นหน้าที่

ของหัวหน้าผมตัดสินใจ หลังจากที่คนของทีมคอมพิวเตอร์กลับไป เราได้ยินแต่เสียงบ่นเสียงอ้อนวอนของพนักงาน

ที่มาใช้บริการคอมพิวเตอร์ของส่วนงาน และเราก็เห็นว่ามันเป็นงานเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขให้ไวรัสตัวนี้ออกไป ไม่งั้น

มันจะแพร่ไปทั่วทั้งองค์กรของเราด้วย Flash disk เพียงแค่ เสียบ ก็ติดไวรัส  และแล้ว 1 วันผ่านไป เราก็ไม่

สามารถทนได้กับการตัดสินใจของทีมคอมพิวเตอร์ เราได้ทดสอบวิธีการฆ่าไวรัสแบบ Manual โดยยอมให้คอมพิวเตอร์

ของตัวเองติดไวรัส แล้วทำการทดสอบวิธีที่ได้มา ปรากฏว่ามันสำเร็จ แต่ก็ยังสามารถติดไวรัสหากมีคนเอา Flash disk

ที่ติดไวรัสมาเสียบ และก็ต้องขอขอบคุณ Amornvit A. ที่ได้เผยแพร่วิธีการแก้ไขดังกล่าว และขอขอบคุณ

http://www.weblogs.dmh.go.th ที่เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้นี้

 

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2550

            เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เราได้ดูหนังแนว Comedy เรื่องหนึ่งที่ฉายทาง UBC ของทรู เนื้อเรื่องเป็นหญิง

คนหนึ่งจบใหม่กำลังหางานทำ และเธอก็สามารถผ่านการทดสอบให้เข้าทำงานในบริษัทแฟชั่นแห่งหนึ่งซึ่งมี

ชื่อเสียงและเป็นบริษัทที่สาว ๆ หลายคนฝันจะเข้ามาทำงานในที่แห่งนี้ แน่นอนว่าเธอได้ทำงาน ตำแหน่ง

ผู้ช่วยเลขา หน้าที่ของเธอคือทำงานจุกจิก เช่น ซื้อกระเป๋า กาแฟ เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาด รับโทรศัพท์ และ

อีกหลาย ๆ อย่างจนถึงหาหนังสือเรื่องแฮร์รี่พลอตเตอร์ฉบับที่ยังไม่ตีพิมพ์!! ให้กับหลานคู่แฝดของเจ้านาย ซึ่ง

เป็นบททดสอบสุดท้ายของเธอ การเป็นผู้ช่วยเลขาของบริษัทแฟชั่นแห่งนี้ไม่ได้ง่ายนัก เพราะเจ้านายจุกจิก

จ้องจับผิดเธอตลอดเวลา ไม่มีการชม ไม่มีการให้กำลังใจ มีเพียงคำพูดที่ว่า ฉันสามารถหาคนมาแทนเธอ

ได้ภายใน 5 นาที  เลขาหลัก เฝ้าฝันที่จะได้ไปฝรั่งเศสกับเจ้านายของเธอ เธอพยายามรักษาหุ่นอย่างหนัก

แต่งสวย เอาใจเจ้านาย แต่เธอทำพลาดไปซะแล้วเมื่อวันที่จะไปปารีสมาถึงเธอป่วยเป็นหวัด จากนั้นไม่นาน

เธอก็ทำพลาดด้วยการลืมชื่อแขกคนสำคัญ จนผู้ช่วยเลขาตัวเอกของเราต้องแอบกระซิบบอกชื่อแขกท่านนั้น

ต่อมาเธอก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจนต้องเข้าเฝือก ด้วยเหตุนี้เจ้านายจึงได้เลือก ผู้ช่วยเลขาไปปารีสแทนเลขาหลัก

ฉากที่ปารีสนี้ มีชายคนหนึ่งที่นางเอกของเราติดหนี้บุญคุณไว้ด้วยการขอต้นฉบับเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์จากเขา

และแล้วก็ลงเอยด้วยการหลับนอนกับชายคนนั้น แต่พอตื่นมาเธอก็รีบเร่งเพื่อไปปฏิบัติงานต่อ แต่ชายคนนั้นพูดว่า

ไม่ต้องรีบร้อนที่รัก เธอตอบกลับอย่างโมโห ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ ถึงแม้ว่าเธอจะทะเลาะกับแฟนแล้วดูเหมือนจะ

เลิกกันก่อนที่จะมาปารีสนี้ แต่ฉากนี้ทำให้เรารู้สึกดี ที่ผู้หญิงพลีกายแต่ใจยังอยู่ที่แฟน หลังจากที่เธอกลับจากปารีส

เธอได้ขว้างโทรศัพท์ทิ้งขณะที่เจ้านายของเธอติดต่อ และแล้วเธอก็ได้งานใหม่กับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง เห็นที ผม

คงจะโง่ถ้าไม่รับคุณเข้าทำงาน ดูจบก็เห็นตัวเอง อนิจจาเทียบไม่ติดเลย เราไม่เคยทำได้อย่างเธอ เกิดความตั้งใจ

ใหม่ว่า วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถทำให้เราหุบยิ้ม วันนี้เราได้วางแผนเกี่ยวกับสมุดโน้ตว่าต้องจด

ต้องลิตส์งานออกมา ให้หมด ให้ครบ ชัดเจน ตรงประเด็น วันนี้เราได้ใช้ความสามารถ ประสิทธิภาพได้อย่างน่าทึ่ง

ถึงแม้ว่าจะโดนใครบางคนในนั้นติ (เป็นการติอีกครั้งที่แรงครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงาน ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดวันนี้)

แต่เราก็สามารถควบคุมตัวเองได้ และยังยิ้มต่อไป

 

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2550

            หมดเรี่ยวหมดแรง ในที่สุดก็เลิกงานแล้ว ได้พักแล้ว ในสัปดาห์นี้ไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าทำงานได้อย่างน่าทึ่ง

เราไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะทำงานได้ดีขนาดนี้ แต่มันก็ทำให้เราล้าสุด ๆ เย็นวันนี้เลยเดินแวะไปงานลอยกระทง

ของภูเขาทอง อ้าว…ไฟดับซะนี่ ตลอดข้างทางมีเพียงแสงเทียนหยั่งกับว่าตั้งใจสร้างความโรแมนติกให้คู่หญิงชาย

เมื่อไฟสว่างเราก็เห็นอย่างชัดเจนว่าสมัยนี้ หญิงควงกับหญิงเยอะจัง เป็น 10 คู่ แต่ก็พยายามมองหา ชายกับชาย

เอ๊ะ! ไม่มีเลย ทำไมหว่า ?… แต่ก็ว่านะผู้หญิงสมัยนี้ชอบพูด ครับๆ ผมล่ะเกลียดสุด ๆ ความรู้สึกที่โดนผู้หญิงพูด

ครับ ด้วย 1.ก็คือ เอ๊ะ…เธอเห็นเราเป็นตัวตลกหรอ 2.เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าเรางั้นหรอ 3.เธอไม่ให้เกียรติเรา …

แต่เราก็พยายามทำความเข้าใจว่าพวกเธอทั้งหลายคงอาจจะบ้าละครมากไปหน่อย เปิดช่องไหนก็เจอแต่สาวในละคร

ครับๆ ถมไป … อ้อมีอีกนะ คนที่เป็นแฟนกันเนี่ย ผู้หญิงเขาจะเรียกชายว่า ตัวเอง และเรียกตัวเองว่า เค้า ส่วน

ผู้ชายก็บ้าตาม เรียกหญิงว่า ตัวเอง เรียกตัวเองว่า เค้า เป็นตุ๊ดเปล่าเนี่ย มีที่ไหนเดิน ๆ อยู่ ผู้ชายนะหน้าตาดีหุ่นบึ๊กๆ

พูด ตัวเอง ออกจากปาก เราล่ะขำ นึกไปว่าคนนี้มันเป็นตุ๊ดเปล่าหว่า (เดินห่าง ๆ หน่อยละกัน)

            ในที่สุดก็มาถึงยอดภูเขาทอง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้ว ยังคงสภาพ ภูเขาทอง ที่ดีเหมือนเดิม

แต่ว่าตอนนี้เหลือเวลาอีก 30 นาที เรือที่จะกลับหอก็จะหมด ต้องรีบแล้ว!” คนเยอะมาก เราพยายามเบียดเสียดออกมา

ในระหว่างนั้น มีคนชาวญี่ปุ่น 2 คน ชายหญิง อยู่ข้างหน้าผม เขาสองคนคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันนะ

แต่ท่าทางสนุกกันมาก ๆ ท่ามกลางผู้คนแออัด และเขาก็ไม่ได้เดินจูงมือกัน ไม่ได้เดินเบียดเสียดกัน ต่างกับคนไทยที่

จูงมือกันเดินแต่ เป็นใบ้ … และแล้วเรือเที่ยวสุดท้ายก็ออกจากท่า ทำได้แค่มอง เรือ รอด้วย และแล้วเรือก็จากไป

ตอนนี้มีเงินอยู่ 30 บาท จะขึ้นรถไปไงดีล่ะ คิดไม่ออกเลยเดินเข้าเซเว่นซื้อเป๊ปซี่ 1 กระป๋อง 14 บาท ใส่ถุงไหมคะ ใส่สิ

หลอดด้วยไหมคะ ครับหลอดด้วย (ถามจัง ใส่ ๆ มาเหอะ) และแล้วก็เดินโต่เต่ไปขึ้นสาย 171 ตรงรัฐธรรมนูญ

ไปรามนี่เท่าไหร่ครับ 18 บาทค่ะ งั้น 16 บาทไปได้ถึงไหนครับ ว้าฉีกตั๋ว 18 บาทไปแล้ว เอาไปละกันนะไม่เป็นไร

ผมล่ะซึ้งกระเป๋ารถเมล์คนนี้จริง ๆ ที่ไม่ถีบลงจากรถ สักพัก … ขอตั๋วใบนั้นคืนด้วยค่ะ อ้าวล่ะสิ ซวยแล้วไง นี่ค่ะตั๋ว

16 บาท  ถึงแม้ว่ามันจะจบไม่สวย แต่น้ำใจของคนไทย ก็ยังงาม ไม่เปลี่ยนแปลงนะ…

 

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2550

            เช้านี้ตื่นมาเที่ยงวัน คงเป็นเพราะเหนื่อยจากการทำงานทั้งสัปดาห์ เราเป็นคนจีน ต้องตื่นแต่เช้าทำการทำงาน

แต่ว่า ขอสักวันละกันนะ ไม่ ๆ พรุ่งนี้ด้วย… วันนี้เป็นวันลอยกระทง ที่วัดน้อยพระไกรศรีตรงนี้ ก็จัดงานลอยกระทง ตั้งใจว่า

จะไม่ลอยเพราะสื่อต่าง ๆ ถกเถียงกันมากในเรื่องนี้และเราเองก็ไม่ค่อยจะมีตรังค์กับเขาด้วย (เงินเก็บหลักหมื่นบอกไม่มีตรังค์)

แต่พอไปถึงในงานเห็นกระทง 30 บาทก็อดไม่ได้ที่จะลอย ไม่ ๆ เรามีเหตุผลนะ คืองี้ เมื่อปีที่แล้วไม่ได้ลอยกระทงเพราะปีนั้น

ไปเที่ยว จ.อุดรธานี ถ้าปีนี้ไม่ลอยไปลอยปีหน้า เราก็จะกลายเป็นคนที่ลอยกระทง 3 ปีครั้ง ถ้าลอยปีนี้ก็จะแค่ 2 ปีครั้ง กระทงที่

ซื้อ 30 บาทนี้ สมราคา ชอบมาก เป็นกระทงกล้วย ประดับด้วยธูปติดดอกไม้กระดาษสีขาว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าราคา 30 บาท

ทั่วไป พอเดินไปถึงตรงที่ลอยกระทง ก็ยังเห็นภาพหญิงกับหญิงนั่งกอดกันริมตลิ่ง แล้วทำไมไม่มีชายกอดชายกันริมตลิ่งมั่งนะ

บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักพร้อมกับเสียงพลุที่ดังเป็นช่วง ๆ จากนั้นก็ไปไหว้พระ ทำบุญ เสี่ยงเซียมซี แล้วก็ตรงที่รับ

น้ำมนต์มีพระรูปหนึ่งคาดว่าเป็นเจ้าอาวาส คือท่านแจกพระกับคนที่มารับน้ำมนต์ แล้วเราก็อยู่ห่างจากตรงนั้นมาก ไม่อยาก

จะเชื่อเลยว่าท่านเอื้อมสุดแขนเพื่อส่งพระให้กับเรา ก็รับไว้ เก็บพระนั้นไว้ในสายนาฬิกาพร้อมเดินกลับด้วยความสุข ที่ประทับใจ

 

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550

            เช้านี้ทำงานด้วยชุดเขียวเพราะวันนี้เป็นวันบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เราต้องทำความสะอาดจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่

แต่ไม่เชื่อหรอกว่าจะได้ทำ ก็แน่ล่ะวันนี้พี่เขาบอกให้เราไปกานต์มณีช่วงบ่ายแล้วตอนช่วงเช้าต้องมาวุ่นกับการไรท์ซีดีอีก

แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังทำงานจนหกโมงเย็นเรียบร้อยแล้วก็กลับบ้าน แต่นึกขึ้นได้ว่าหัวหน้าให้การบ้านมาว่าให้ช่วยหาโต๊ะ

วางคอมฯ ที่เป็น 2 ชั้น เพื่อมาใช้ในออฟฟิศจะได้มีพื้นที่มากขึ้น พอกลับถึงบ้านเห็นปฏิทินพรุ่งนี้ก็เดือนธันวาแล้ว ปีใหม่นี้

เราต้องไปหาพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง ก็มีที่ภูกระดึงเนี่ยแหละ เห็นว่าน่าสนใจดีเลยว่าจะลองไปดูซะหน่อย

————————————————————————————————————————————————–

 

This entry was posted in Uncategorized. Bookmark the permalink.

15 Responses to My Diary

  1. Thatsaphon says:

    อะโห เขียนยาวดีจัง มาคอมเม้นไว้ก่อนนะ ว่าขยันจิงๆ เดี๋ยวขอเวลาซัก2-3วันนะ คงอ่านจบ เดี่ยวมาคอมเม้นใหม่เด้อ

  2. Thatsaphon says:

    อ่านจบแล้ว นึกว่าจะต้องใช้เวลาหลายวันซะอีก
    เท่าที่อ่านบอยก็ขยันดีนะ มีความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก  ก็มีข่าวจะมาแจ้ง
    เรื่องพี่ดอน ตอนนี้แกมีวัดเป็นของตัวเองแล้ว ชื่อว่า "วัดดอน" ตอนนี้คาดว่าคงสบายดี
    เรื่องทำงานที่โรงพิมพ์นี่ได้ความรู้เยอะมากแน่เลย
    ส่วนเรื่องเฮียกะเจ๊งก ถ้าไม่งกก็ไม่รวยนิ คนรวยอ่ะงกทุกคนแหละนะ คิคิ
    เรื่องตัดผมให้ตัวเอง  พี่แนะนำว่า มันทำลำบากนะ แถมมองไม่ถนัดด้วย หนำซ้ำ มุมมองมันคงไม่ดี ขอแนะนำว่าให้ถอดหัวมาวางไว้ แล้วค่อยๆตัดจะดีกว่านะ
    และก็สุดท้าย ขยันทำงานนะ ทำงานราชการ มันก็มีดีอย่าง เสียอย่าง ถ้าจะออก ก็ต้องมีงานที่ดีกว่ารองรับก่อนนะ ถึงค่อยออก อย่าออกไปทั้งที่ไม่มีงานที่ดีกว่ารออยู่ล่ะ
    สู้ๆๆๆนะน้อง

  3. Panisa says:

    <a href="http://photobucket.com/&quot; target="_blank"><img src="http://i96.photobucket.com/albums/l181/AehKa/naynaka_20060805224729.gif&quot; border="0" alt="Photobucket – Video and Image Hosting"></a>
    H i , ~ แ ว ะ ม า ทั ก ท า ย กั น น ะ ~
     
    . . ง า น กั บ เ งิ น มั น ก้ อ น่ า จ ะ ไ ป ด้ ว ย กั น ไ ด้  น ะ จ้ า . .
     

  4. ~PosY~ says:

    เธอจะจำเราได้ไม๊เนี่ย
    อ่านแล้วรุสึกว่า ถ้าเราได้แค่ครึ่งของเธอ พ่อแม่คงจะดีใจมากๆ
     
    สู้ๆนะ ไปอ่านไดเรามั่งล่ะ

  5. llwn says:

    …แวะมาทักทายน่ะ…
    ปีใหม่ก้อมีความสุขมาก ๆ นะจ้ะ

  6. babe says:

    ยาวโคดๆๆ  เเต่เม้นให้เเล้วนะจ๊ะ
     

  7. ♫CuTieCaKeZaa♪ says:

    โห!! นึกว่าต้องอ่านหลายวัน
     
    เค้กเอาใจช่วยละกานน๊า
     
    ตั้งใจเรียนล่ะ สู้ๆ
     
     

  8. babe says:

    อัพข่าวคราวให้อ่านบ้างสิจ๊ะบอย
     
    มิสยูค่ะ……..ปอล์

  9. ศาลินดา says:

    แวะผ่านมา ชะแวป — มาได้ไง
     
    น้องหมา น่ารักจัง เรยย ค่า (ชอบน้องหมาจัง) งิ
     
    ชะแวปป ไว้จามาเยี่ยม ใหม่นะคะ (ถ้ามีโอกาศ)

  10. ศาลินดา says:

    เอะ ยังไม่อัพอีกหรอค่ะ
     
    เน่าแล้วนะ เปซพี่อ่า  หุหุ อัพแล้วไปบอกนู๋ด้วยน้า
     
    ~* ไว้จาแวะมาใหม่ค่า.. –

  11. โฮ๊ะๆๆ ๆ~* says:

    ดองป่าวน๊ะ ..?
     
     

  12. Bb says:

    งาย..บายดีป่าว มาเยี่ยมค่ะ
    อิอิ..ไปเยี่ยมกันบ้างนะ
    ———-0o————–0o———————o0—-0o———0o–0o——————–0o—-0o——0o—-0o———————o0—o0-o0-0o—0o———————o0——————0o—————o0————————–0o———-o0——————————0o——o0———————————-0o–o0————————————–0oo0————————————–0oo0———–a————-a————0oo0————————————–0o-o0———.——-U———.——–0o–o0———————————0o——-o000————————000o———-0o–0o–0o-0o–0o–0o——

  13. Sethzthakij says:

    พอดี เซิร์ทหาวิธีต่อ พอร์ตหน้าเคส กับเมนบอร์ด แล้ว google มันลิงค์มาเว็บนี้
    คำว่า USB ต่อสายอะไรสักอย่างนี่แหละ  ตอนนี้รู้แล้วละ แต่เผลออ่านดูที่เขียนก้อว่าน่าสนใจดี
     
    ผมก้อเป็นเคยช่างคอมพ์เหมือนกันครับ ทำอยู่แถวยโสธร  ผมเป็นคนเลิงนกทา รู้จักไหมหนิ
    แต่ตอนนี้มาทำงานเป็นพนักงานบริษัทแล้ว
     
    เท่าที่อ่านมาน่าสนใจดีคับ ค่อยๆ เรียนผิดเรียนถูก สมัยผมซ่อม ก็ถามหวัหน้าช่างตลอด
    โชคดีหน่อยพอดีมีคนให้ถาม  ตอนหัดซ่อมใหม่ ก็ทำนั่นทำนี่เจ้งบ่อยเหมือนกันละผม
    ทำงานกะคอมพิวเตอร์ นี่สนุกคับ  เหมือนเขาเอาความหวังมาฝากกะเรา แล้วให้เราทำให้ได้
    เราซ่อมได้เราก้อภูมใจ 

  14. Sethzthakij says:

    lll สรุป แล้วเราเป็นคนบ้านเดียวกันใช่ไหมนี่ ฮ่าๆ (อำเภอเลิงเหมือนกัน)
    เอ้า ฮ่วย ปีใหม่ กะมากินลาบเลือด แถวเลิงเก่าได้เด้อ
     
    แต่นี่ก้อยังไม่รุจะได้กลับรึเปล่า เพื่อนชวนลงภูกระดึง
    สงสัยว่าปีนี้จะต้องเนรคุณ ไม่กลับบ้านสักปีแล้ว อิๆ

  15. Bb says:

    มา Merry X\’mas อ่ะจ้ะ
    แล้วก้อ Happy New Year ด้วยเลยละกาน..
     

Leave a comment